Wednesday, June 13, 2007


เนื่องด้วยวาระการที่คนไทยขัดแย้งกันมากๆๆๆ ผมขอเอาบทความของหมอประเวศ ที่ผมว่าน่าสนใจมากๆ คือได้เปรียบเทียบความเป็นไปของการแก้ไขปัญหาไว้ 2 กรณีนะครับ เชิญอ่านและพิจารณาได้

พระพุทธเจ้ายังแก้ความขัดแย้งของสงฆ์ไม่ได้ ทำไมเล่นฟุตบอลกันได้ทั่วโลก
การจะรวมตัวกันทำสิ่งใหม่ที่ดีนั้น ก่อนอื่นต้องเข้าใจว่าทำอะไรได้หรือไม่ได้ผลอย่างไรและใครทำ จะขอยกตัวอย่างประกอบ 2 เรื่อง

เรื่องหนึ่งคือ เมื่อครั้งพุทธกาล ครั้งหนึ่งพระสงฆ์ในกรุงโกสัมพีแตกแยกแบ่งเป็นสองพวก ทะเลาะกัน ทำอย่างไรๆ ก็ไม่หยุด พระพุทธเจ้าเสด็จไปห้ามก็ไม่เชื่อ แถมยังว่าพระพุทธเจ้าอีกว่า “ขอพระผู้มีพระภาคจงขวนขวายน้อย” คืออย่าขยันมาห้ามเขาจะทะเลาะกัน พระพุทธองค์มีพุทธดำเนินหลีกเข้าป่าปาเลไลยไป เมื่อตอนมีลิงมีช้างนำของมาถวายนั่นแหละครับ ต่อมาชาวเมืองเขารำคาญเลยหยุดใส่บาตรทั้งคู่ ทำให้หมดแรงและหยุดทะเลาะกันไปได้ ประเด็นคือประชาชนเป็นผู้แก้ความขัดแย้งที่ดีที่สุด

เรื่องที่สองคือ การเล่นฟุตบอลสามารถเล่นกันได้ทั่วโลก ไม่ว่าคนเล่นจะเป็นชาติใด ภาษาใด ประเทศมีความเจริญแค่ไหน เพราะในการเล่นมีกรอบคือสนาม กติกา และกลไก ที่ชัดเจน ผู้กำกับเส้นคือผู้รักษากรอบ กรรมการคือผู้รักษากติกา ผู้กำกับเส้นและกรรมการอาจโกงได้ แต่ทำไม่ได้ เพราะมีคนดูหรือประชาชนที่เข้าใจกรอบ กติกา และกลไก คอยกำกับอีกที ประเด็นคือการมีกรอบ กติกา กลไก และมีประชาชนเป็นผู้กำกับ ทำให้การเล่นเป็นไปด้วยความเรียบร้อย และพัฒนาก้าวหน้าขึ้นเรื่อยๆ หากปราศจากกรอบต่อให้เอาพระอรหันต์มาเล่น เดี๋ยวก็ออกไปเล่นในป่า ถ้าปราศจากกติกา ปล่อยให้มีการจิกหัว ด่าทอ กระทืบกัน กีฬาก็จะกลายเป็นโกลาหล จลาจล ฉะนั้น ระบอบประชาธิปไตยจะก้าวหน้าไปได้ต้องมีกรอบ กติกา กลไก ที่ชัดเจน และมีประชาชนเป็นผู้กำกับ
ก็น่าคิดดีนะครับ ในความเห็นของผม เราคงต้องมองเรื่องที่เกิดตอนนี้เหมือนเป็นกรรมการมองเกมฟุตบอล รู้ เห็น และควบคุมสิ่งที่เกิด การวืพากษ์กันก็เป็นทางหนึ่ง อยากให้หลายๆคนได้ใส่ใจกันนะครับ

No comments: